February 27, 2006

First Night Boston (ควันหลง)

เปิดดูรูปไปๆ มาๆ เลยตัดสินใจเอามาเล่าต่อดีกว่า ก็เป็นเรื่องราวการ Countdown New Year 2006 ที่ Boston ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่อยากแบ่งปันมากที่สุดของ trip นี้ แต่จำได้ว่าตอนนั้นแอบโดนต่อว่าอะไรสักอย่างเลยหยุด trip นี้ไป ที่นี่เค้าก็จัดงาน 2006 First Night Boston - December 31, 2005 1PM to Midnight

งานนี้ก็ซื้อบัตร ติดเข็มกลัดอันเดียว เที่ยวได้ทั่วเมือง แต่เฉพาะ 1 วัน 1 คืน ก่อนวันปีใหม่ งานนี้จูนกับพี่ชายก็ตะลอน on tour กันด้วยรถไฟและสองเท้าก้าวเดิน พร้อมกับคำอธิษฐานของจูนว่าขอให้คืนนั้นหิมะตก จะได้ countdown กับหิมะที่บอสตัน เราก็นั่งรถไฟไปกันพร้อมกับอากาศหนาว เริ่มต้นกันที่ New England Aquarium อย่างที่ได้เล่าค้างไว้ครั้งก่อน แล้วก็ไป Boston Public Library ที่ปกติต้องเสียสตางค์ถ้าไม่มีบัตร ซึ่งก็ชอบห้องอ่านหนังสือ แต่รู้สึกว่าโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือแอบสวยไปนิดนึงสำหรับการอ่านหนังสือ น่าจะไปอยู่ที่ร้านอาหารมากกว่า บันไดและศิลปะภาพผนังก็สวยงามทีเดียว



ออกมาด้านนอกเราก็จะพบกับ Boston Common สวนสาธารณะที่ไม่มา แปลว่ามาไม่ถึง Boston ถึงตอนนี้หิมะก็เริ่มตกลงมาแล้ว จนพี่ชายบอกว่า Yeah, June, you’ve got your wish. พร้อมกับเดินทานขนมปังอบกับโกโก้ร้อนๆ เพิ่มความอร่อยและอิ่มอุ่นกันไป สำหรับ 2006 First Night Boston เค้าก็มี Ice Sculptures แสดงกันอยู่ที่นี่ด้วย ผ่านตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งน้ำแข็ง จนเมื่อความมืดยามค่ำคืนเข้ามาแทนที่ แสงไฟก็ตกกระทบกับน้ำแข็งเพิ่มสีสันความสวยงามของคืนนั้นทีเดียว เราก็เลยเดินชมประติมากรรมน้ำแข็งตามจุดต่างๆ ในสวนสาธารณะ เพื่อรอเวลา Procession ไปในตัว(ก็ประมาณขบวนพาเหรดนั่นเอง) เสียดายที่วันนั้นจูนลืมเอา battery ไปสำรองสำหรับกล้องดิจิตอล เลยถ่ายรูปไม่ได้เต็มที่ ได้แต่เก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำ
Procession จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานที่ บรรยากาศ แสงไฟลวดลายต่างๆ และหิมะที่โปรยปรายลงมาก็เลยทำให้สนุกและสวยงามไม่ใช่น้อย นอกจากนี้คืนนั้นก็มี fireworks (ดอกไม้ไฟ) แสดงกันที Boston Common ตอนหัวค่ำ และที่ Boston Harbor ช่วง midnight countdown จูนก็ได้ดูทั้งสองที่สวยงามไม่มีคำบรรยายอะไรเพราะเป็นครั้งแรกที่ดูที่สถานที่จริง ไม่ได้ดูผ่านโทรทัศน์ ส่วนที่ Boston Harbor ทุกคนก็มารวมตัว 5, 4, 3, 2, 1, .. “Happy New Yearrrr” กับความงามของดอกไม้ไฟและหิมะนุ่มๆ ที่โปรยลงมา ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความประทับใจสำหรับปีใหม่นี้กันทีเดียว ก็ได้แต่เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความทรงจำครั้งนี้เอาไว้ตลอดไปตามสไตล์ To Learn..By June ค่ะ (@^_^@)

Christmas tree decoration และ Grand Procession กับหิมะที่โปรยปรายลงมา








February 23, 2006

ปัญหาหนัก

หนู: คุณหมอคะ คือว่าหนูมีปัญหาหนักค่ะ อึดอัดไม่รู้จะบอกใครดี เป็นปัญหาหนักจริงๆ หนูจะทำยังไงดีคะ คุณหมอ
คุณหมอ: ครับ..... (เงียบ..................................)
หนู: (งง ทำไมเงียบ)????
คุณหมอ: ................ (ยังเงียบอยู่ เหมือนรออะไรสักอย่าง)
หนู: อ้าว ทำไมคุณหมอไม่ตอบอะไรล่ะคะ
คุณหมอ: เพราะหมอรอฟังอยู่ครับว่ามีปัญหาหนักอะไร หมอจะได้แก้ไขให้ถูก
หนู: คือปัญหามันหนักมากเกินที่หนูจะรับไหวจริงๆ ค่ะ
คุณหมอ: ก็นั่นสิครับ บอกหมอมาได้เลยนะครับว่าปัญหาคืออะไร ไม่ต้องกลัว
หนู: เอ๊ะ คุณหมอคะ หนูไม่ได้กลัวอะไร.. หนูบอกว่าหนูมีปัญหาหนัก.. หนัก หนัก หนักขึ้นทุกวัน จนใส่กางเกงตัวเก่าไม่ได้มาหลายตัวแล้วค่ะ ทำไมคุณหมอถึงไม่เข้าใจหนูคะ
คุณหมอ: .....???? พยาบาลลลลล มาเอาออกไปที !!!! ...โครมมม

หนู: ???? !!!!

February 20, 2006

ทางเดิน เดินทาง

ทางขาวพราวพร่างสร้าง ร่างไว้
เดินสู่ปลายทางใด ใช่รู้
เดินจิตต์นิ่งสติไซร้ ให้อยู่
ทางข้างหน้าควรผู้ คู่ได้ดีเอง

February 17, 2006

ตำนานเพื่อนกับหอยแมลงภู่

ตอนนี้แอบรู้สึกสนิทกับเพื่อนคนนึงอย่างไม่รู้ตัว เราพึ่งรู้จักกันสักเดือนกว่านี่เอง แต่แอบไปสนิทกับเค้าและก็เป็นห่วงเค้าซะงั้น.. เธออายุมากกว่าเราสองขวบปี แต่จบเอกซะแล้ว (หวังว่าจะจบภายในอีกสองปีนี้เหมือนกัน) เลยมาทำ Post-Doc ต่อที่นี่ เร็วๆ นี้เอง เธอพึ่งมาจาก Netherland ดินแดนในฝันของเราตอนเด็กๆ ซะด้วย ก็เพราะเราประทับใจดอกทิวลิปกับกังหันลมที่ดูในรายการท่องเที่ยวมากๆ..

ที่จริงเราพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพราะเธอเป็นคนพูดเบามากๆ และทักษะการฟังภาษาอังกฤษของเราก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง.. เธอไม่มีรถเหมือนเรา เธออยากไปซื้อของ เราเลยไปหา website ของ University bus ให้เธอ แล้วเราก็ไปเป็นเพื่อนเธอ (บ้ารึเปล่า อยู่มาห้าเดือนไม่ขวนขวายจะนั่งไป พอเธอมาเลยไป) เราชวนเธอไปสมัคร Gym ไปออกกำลังกาย ทุกเย็นวันอังคาร กับพฤหัสบดี ถ้าว่างเราก็จะ Jazzerxise กัน (งงล่ะซี ว่ามันคืออะไร อิอิ ไม่บอก).. ก่อนกลับบ้านทุกเย็น เรามักจะเดินไปบอกเธอว่า good night เธอไม่ลืมกุญแจ office นะ ต่อมาเธอเลยทำแบบนั้นกับเราเหมือนกัน เธอแอบบอกเราว่า ถึงจะเลิกงานกลับบ้านแล้ว แต่ประเทศเธออ่ะ 5-6 โมงเย็นเข้าไม่พูด good night กันหรอก เราเลยหัวเราะ บอกว่าประเทศเราก็เหมือนกัน (ก็ไม่เห็นมีใครราตรีสวัสดิ์ก่อนกลับบ้านกันสักคน แต่ที่ US ก่อนจากกันของวันนั้น ยังไงก็ good night ถึงจะ 5 โมงเย็นก็ตาม)เอ๊ะ พึ่งสังเกตว่าธงชาติของ ไทย-เนเธอร์แลนด์ มีสีแดง ขาว น้ำเงินเป็นสีหลักเหมือนกันแฮะ


แต่สุดท้าย ขอสารภาพตอนที่เรารู้จักเธอใหม่ๆ เราแอบไม่ค่อยชอบเธอ เพราะว่าเราไปทานอาหารกัน (หลายคน) เธอไม่รู้ว่าเธอกินเผ็ดได้แค่ไหน ทุกคนเลยแบ่งของตัวเองใส่ถ้วยให้เธอชิมว่า เผ็ดระดับไหนที่เธอรับได้ เธอไม่ยอมชิมของเรา แล้วเธอบอกว่า I don’t wanna try this one. เธอชิมถ้วยอื่น แต่เธอผลักถ้วยนี้ออกถ้วยเดียว เราเลยเสียความรู้สึก แอบไม่ชอบเธอเล็กๆ ซะงั้น งอนๆ.. พออยู่ไปๆ เราพึ่งมารู้ตอนหลังว่า เธอแพ้ mussel (พวกหอยแมลงภู่) เธอกินไม่ได้ อิอิ แหม.. ก็ไม่บอก วันนั้นอุส่าห์ตั้งใจตัก mussel ตัวใหญ่ที่สุด โปะลงบนถ้วยให้เธอเลยอ่ะ และนั่นก็คือเหตุผลที่เธอผลักถ้วยของเราออกนั่นเอง ก็เธอไม่ชอบหอยแมลงภู่ เธอแพ้ อิอิ..เกือบจะตัดสินเธอเพราะ หอยแมลงภู่ ซะแล้วเรา..

จบ.. ตำนานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าด่วนตัดสินคนเพราะหอยแมลงภู่ ????

February 14, 2006

~ Valentine of ROC ~

ปีนี้ก็ทำแลบ Project ใหม่ (ที่ยังตะกุกตะกัก) ทำ presentation ทั้ง lab meeting ทั้ง seminar ทำอะไรมากมายจนลืมไปเลยว่า อ้าว จะวันวาเลนไทน์อีกแล้วเหรอ ที่นี่ก็ไม่เห็นตื่นเต้นเท่าเมืองไทยเท่าไหร่เลย ทั้งที่เป็นเจ้าของเทศกาล ทุกคนก็ดูเรื่อยๆ ปกติ ห้างสรรพสินค้าก็มีตกแต่งบ้างพอให้รู้ว่ามีอะไรแดงๆ กับรูปหัวใจ แต่คงอายชิดซ้ายถ้าเจอห้างบ้านเรา อืม จะว่าไปบ้านเราก็แปลก รับวัฒนธรรมเค้ามา แล้วก็ฉลอง ตกแต่งประดับประดากันจนเกินพอดี แถมยังมีวัฒนธรรมวัยรุ่นที่ชักประหลาดขึ้นทุกวันสัมพันธ์กับวันลอยกระทง.... ทำเอาพ่อแม่กลุ้มใจไปตามๆ กัน น้องๆ ส่วนหนึ่งก็จับจ่ายใช้สอย (ด้วยเงินพ่อแม่นั่นแล่ะ) หาซื้อของขวัญแพงๆ ตามกระแสกันไป

มาดูที่นี่กันบ้างดีกว่า ไปซื้อของมา เดินไปเจอบริเวณที่ขายการ์ด แบบว่ามุมหัวใจแดง แต่งแต้มวาเลนไทน์กันเลย เดินไประยะ 3 เมตร ก็เห็นอะไรน่ารักๆ คือคุณยาย (อายุสักเจ็ดสิบแล้วล่ะ) แหม..แบบว่ากำลังเลือกการ์ดวันวาเลนไทน์ เปิดอันนู้นอันนี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายหยิบไปสองสามใบ!! หา.. ก็แบบตกใจ ตอนแรกเห็น ก็ว่าน่ารักจริงเลย สงสัยมาซื้อให้คุณตาล่ะซี หวานซะไม่มีเลยนะคะ แต่ เอ่อออ หยิบไปสามใบ เอ๊ะ!! หรือว่ามีคุณตา 3 คนนะ แหม !! พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้ร้อง อ๋อ.. To grandson, to granddaughter อะไรแบบนี้นี่เอง แต่ก็ยังเป็นคุณยายที่น่ารักอยู่ดี อายุมากแต่เพียงร่างกายแต่หัวใจยังกระฉับกระเฉงอยู่ แล้วก็เลยเปลี่ยนความสนใจไปดูที่การ์ดบ้าง ก็รู้สึกประทับใจการ์ดวาเลนไทน์ที่นี่ เค้าให้ความสำคัญกับ parents และ family (ทุกลำดับญาติหลานปู่ หลานตา คุณยาย คุณป้า อาเจ็ก มีหมด) สำคัญพอๆ กันกับคนรักทีเดียว ถามเพื่อนๆ ก็บอกว่า ก็ Valentine’s day สำหรับ everyone you love นะ อืมมมม น่ารักจัง ประทับใจ ชอบๆ เจ้าของเทศกาลเค้าน่ารักกันอย่างนี้นี่เอง แหม !! แต่กว่าที่เทศกาลวาเลนไทน์จะเดินทางมาถึงประเทศไทย อะไรน่ารัก ๆ แบบนี้แอบหล่นหายไปตอนไหนของคาบสมุทรบอลข่านนะ แล้วประเทศอื่นๆ ในเอเซียเราเค้าเป็นยังไงกันบ้างนะ?

:> update กันหน่อย up blog ไปได้ซักสาม ชม. ก้ได้รู้ว่าวันวาเลนไทน์ที่ประเทศญี่ปุ่น ฝ่ายหญิงจะทำหรือซื้อ chocolate ให้ฝ่ายชายที่ตัวเองหมายปอง (ออกแนวสาวอินเดียไปขอหนุ่มอินเดียซะงั้น เลยไม่รู้ว่าแอบรับอิทธิพลวาเลนไทน์จากประเทศอินเดียมารึป่าวนะ อิอิ) จากนั้นถ้าฝ่ายชายตอบรับ วันที่ 14 เดือนหน้าก็จะมอบ chocolate กลับไปให้ผู้หญิงคนนั้น 555 สงสัยมีสาวไทยแถวนี้อยากไปอยู่ญี่ปุ่นบ้างแน่เลย ปีหน้าไปจองตั๋วเร้ววว เอ้า ขอบคุณผู้สื่อขาวจากญี่ปุ่น ใครรู้ตัวว่าเป็นแหล่งข้อมูลนี้ให้จูน รับการตบมือขอบคุณไปเลยค่า

..ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อยู่ดี เมื่อเป็นไปตามวิถีที่สวยงาม.. (@^_^@) จบแล้วจ้า

February 10, 2006

น้องไฝ..เพื่อนรักคนใหม่

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ: Sandra --> ชื่อไทย: น้องไฝ (จูนตั้ง)
เพศ : หญิง
อายุ: กำลังเหมาะ..!!
เชื้อชาติ: แอฟริกาใต้ (แต่พูดภาษาแอฟริกันไม่เป็น)
สัญชาติ: ไม่รู้ ถามแล้วไม่ยอมตอบ

รู้แต่ว่าตอนนี้กำลังพยายามขอ Green card ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถานภาพ: ไม่ตอบอีกเหมือนกัน แต่พอมาอยู่ที่นี่ก็เห็นคบแต่เพื่อนผู้หญิง

เลยเดาว่าปัจจุบัน “โสด”
ความฝัน: อยากเห็นโลกกว้าง นอกจากถังน้ำสี่เหลี่ยมกับเพื่อนกบสาวสี่ตัว
งานอดิเรก: ว่ายน้ำชนขอบอ่าง!!
ปัญหาสุขภาพ: มองไม่ค่อยเห็น อาหารเลยงับผิด ว่ายน้ำเลยชนอ่าง
รัก: คนอ่าน!! (เชยมาก ขอบอก)
เกลียด: ไอ้แก้มป่อง มีเขี้ยวที่มาจากเมืองไทย มาหาทีไร จับไปผ่าท้องทุกที
ประเทศในฝัน: ไทย..เห็นว่ามีทั้งเขียด ปาด อึ่งอ่าง และอยากช่วยเหลือผู้ประสบภัยทซึนามิ
ถ้าขอพรได้: ชาติหน้าขอไม่เกิดเป็น -กบ-
ถ้าพรที่ขอข้างบนเป็นไปไม่ได้: งั้นถ้าต้องเป็นกบ ขอเป็น กบ-สุวนันท์ ปภัสรา

นี่ล่ะค่ะ เพื่อนรักคนใหม่ของจูน เราพึ่งรู้จักและคลุกคลีกันมาซักเดือนนึง ไปหาทีไร ก็ไปขอใข่กบจากน้องไฝมาใช้ทำแลบทุกที พอปิดท้อง อีกสองอาทิตย์ก็ไปขอใหม่ น้องไฝเค้าเลยไม่ค่อยชอบเราซักเท่าไหร่ เพราะพุงเค้าชักจะพรุน แต่ก็แอบรักและเป็นห่วงเค้า คอยดูแล อาบน้ำ ประแป้ง แต่งตัวให้ทุกวัน เปลี่ยนน้ำให้ ขัดขี้ไคลอีกนิดนึง (ช่วงแรกหลังผ่าเอาไข่กบ น้องไฝเค้าจะสลัดผิว) เช้าไปถึงก็ไปหาเค้าก่อนใคร Good morning, how are you? ช่วงแรกยังไม่ค่อยรู้ใจกัน น้องไฝเค้าไม่ตอบ สงบนิ่งมาก ตกใจสิคะ ที่ผ่าไปเมื่อวาน ฉันทำน้องไฝตายรึเปล่า!! อ้อ..พอเคาะๆ เอียงถังไปมา ถึงรู้ว่า “ไฝหลับฮ่ะ” ก็จะไปรู้ได้ยังไง หลับก็ไม่ยอมหลับตา ทำตัวลอยๆ อีก แต่ไม่เป็นไร ช่วงนี้เราเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว น้องไฝบอกว่าช่วงนี้เธอทำงานสะสมวันลาอยู่ เธอบอกว่าเธอจะขอ Professor เพื่อ take vacation ลาพักหนาวไปเยี่ยมกบลาวกับกบไทย เธอขอแค่พื้นที่เล็กๆซุกติดไป เมื่อไหร่ที่จูนกลับเมืองไทยก็พอ..

February 08, 2006

ชื่นชม

ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ
ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ และได้ทำสิ่งนั้นที่ตัวเองรัก
ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ ได้ทำสิ่งนั้นที่ตัวเองรัก และทำได้สำเร็จอีก

..ไม่ง่าย ที่ใครสักคน จะค้นเจอและรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ในสิ่งที่รัก ที่ได้ทำ
..แต่จะมีกี่คน ที่สามารถก้าวต่อไปบนถนนเส้นนั้น เดิน และถึงปลายทางได้สำเร็จ
..แต่ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม ทุกครั้งที่ได้รู้จักคนกลุ่มนี้ จะรู้สึกชื่นชมในความ-กล้าหาญ- ของพวกเขาทุกครั้ง

ชื่นชมในการค้นพบและเข้าใจตัวเองของพวกเขา แล้วยัง -แน่วแน่- ที่จะเดินตามทางของตัวเองได้อย่างมั่นคง
แม้ว่า....บางทีทางนั้นอาจสวนกระแส บรรทัดฐานสังคม ที่ “ยกย่องกันที่เปลือก

การประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ได้วัด -รางวัลแห่งชีวิต- กันที่ ตำแหน่งหรืออักษรนั่นนี่ที่นำหน้าชื่อ แบบ ศ.พอ.นพ.ดร. อะไรทำนองนั้น
บางทีการประสบความสำเร็จในชีวิต อาจวัดที่ -หัวใจพองโต- เวลาที่ได้ทำอะไรสักอย่างที่รักและมีความสุข แล้วก็ขลุกอยู่กับมันได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เบื่อ ใครที่เคยได้เข้าถึงความสุขนี้อย่างแท้จริง คงเข้าใจ

เอาเถอะ ต่างคนก็คงมีเหตุผลการเลือกทางเดินของตัวเอง..
แต่ตอนนี้ ค้นพบใหม่อีกทีว่า คนอีกแบบที่น่าชื่นชมมากยิ่งขึ้นอีก คือ..

คนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเลยแม้แต่น้อย แต่ยังสามารถปรับตัวและอดทน จนรักในสิ่งที่ตัวเองทำได้อีก

เค้าทำยังไงกัน....

February 06, 2006

กู้ชาติ 4 กุมภา

ใช่ว่า มาอยู่ Rochester ไกลถึงอีกฝั่งตรงข้ามโลก อเมริกา แล้วพลังกู้ชาติจะมาไม่ถึงนะ มาไกลจนมีคนไทยโหลด ringtone ".... ออกไป ออกไป" เข้ามือถือเชียวล่ะ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เกาะติดสถานการณ์หรอก ส่วนตัวก็คือไม่ได้ชอบทั้งสองฝ่าย คือเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดว่างั้นเถอะ แต่จะเข้าไปดูในเวบบ้างเป็นครั้งคราว ก็ตกกะใจเหมือนกันว่าคนไปชุมนุมกันเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วมีใครไปร่วมประท้วงบ้างหรือเปล่าเนี่ย และก็สงสัยว่า..แล้วลูกเค้าที่อยู่จุฬาฯ น่ะ จะใช้ชีวิต เดินไปเดินมายังไงนะ เฮ่อออ รู้แล้วก็รู้สึกน่ากลุ้มใจ สุดท้ายเรื่องราวจะจบลงยังไง ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ????

ปจ. ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา (Jan 30 - Feb 5) ที่นี่เป็น Tax Free Week ล่ะ คนก็เลยไป shopping กันใหญ่ เพราะปกติทานข้าวหรือซื้อของอะไร ราคาที่จ่ายก็จะเจอ tax บวกเพิ่มไปอีก 8% บางทีก็อึ้ง งง ไปพักนึงว่า ตอนฉันคำนวณ ฉันว่ามันไม่แพงเท่านี้นะ นอกจากนี้เวลาไปทานร้านอาหารที่นี่ ก็เป็นที่รู้กันอีกว่าต้องจ่ายค่า service อีก 10-15% ของราคาอาหารอีก เป็นที่รู้กัน ไม่จ่ายก็รู้สึกผิดยังไงพิกล..

February 02, 2006

ขอรับบริจาคเลือด !!

วันนี้ตั้งใจมาเขียนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็ขอทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ทั้งที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เพื่อที่จะเอามาเขียนเท่าไหร่ หลังจากที่เคยถ่ายทอดผ่านเรื่อง เปลวเทียน ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องราว ชีวิต-ความเป็น-ความตาย ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าเพศไหน อายุเท่าไหร่ เวลาใด และแม้ว่าคุณจะเป็นใคร

แต่แล้ว....วันนี้ก็ต้องได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดกับใครคนหนึ่งอีก ที่จูนเคารพรัก คืออาจารย์สมัยที่เรียนปริญญาตรี ท่านเป็นอาจารย์ที่น่ารัก อารมณ์ดี และดูมีความสุขอยู่เสมอ แต่....วันนี้ รอยยิ้มและความสุขในแววตาของท่านจางหายไป เนื่องจากจูนได้รับข่าวจากเพื่อนว่า ลูกชายของท่าน (น้อง Best ประมาณ 10 ขวบ) ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรค Leukemia มะเร็งในเม็ดเลือดขาว ระยะเฉียบพลัน ขณะนี้กำลังรับการรักษาอยู่ที่ รพ.ศิริราช โดยต้องให้เคมีบำบัด และเตรียมผ่าตัดถ่ายไขกระดูกใหม่ (เพื่อให้เม็ดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นเม็ดเลือดปกติมากขึ้น) จากนั้นจะต้องได้รับการถ่ายเลือดอย่างสม่ำเสมอ หากปริมาณเลือดมีไม่พอ นั่นหมายถึง -ชีวิต-ต้องสิ้นสุดลง-

การบริจาคเลือด (รวมถึงการบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย)นั้น ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็น-การให้ที่สูงส่ง-อย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการให้ ที่เราได้เลือก “สละส่วนของชีวิต เลือดเนื้อและร่างกายของเราให้แก่ผู้อื่น” ในส่วนของการบริจาคเลือดนั้น ร่างกายเราก็สามารถสร้างทดแทนได้ใหม่ใน 3 เดือนอยู่แล้ว จูนเองเคยทำได้สำเร็จหนึ่งครั้งหลังจากพยายามเทียวไปถึงสามรอบก่อนนั้น สองครั้งแรกน้ำหนักไม่ถึงที่ รพ.รามาธิบดี และ รพ.ศิริราช (ปกติเกณฑ์ที่ 48 ถึง 50 กก.) แต่ด้วยความตั้งใจ จึงเปลี่ยนที่รับบริจาคไปที่สภากาชาดไทยเพราะรับที่น้ำหนัก 45 กก. ได้ แต่..ครั้งที่สามนี้ก็เจาะเลือดพบว่าความเข้มข้นเลือดต่ำเกินไป เนื่องจากช่วงนั้นเรียนหนัก พักผ่อนน้อย ข้าวเย็นไม่ค่อยได้ทาน ทำให้บริจาคไม่ได้อีก สุดท้ายเลยตั้งใจเปลี่ยนวิธีการดำรงชีวิตใหม่ พักผ่อนเพิ่มขึ้น และทานอาหารที่ช่วยเสริมธาตุเหล็ก (ผักใบเขียว)แก่เลือด ฟิตร่างกายพอสมควร สุดท้ายก็สามารถบริจาคได้สำเร็จก่อนมาอเมริกาไม่กี่เดือน หลายๆ คน กลัวเข็ม อย่ากลัวเลยค่ะ การเจ็บจากเข็มแทงเพียงเล็กน้อย “แค่ช่วงเสี้ยวเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ” เทียบไม่ได้กับ “ชีวิตของใครอีกคน ที่คุณอาจต่อให้เค้าได้อีกทั้งชีวิต” และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้ ดังนั้นหากใครก็ตามสามารถบริจาคเลือดได้ จงภาคภูมิใจในการให้ที่ยิ่งใหญ่ของคุณเถอะค่ะ เพราะมีคนอีกมากมายที่สภาพร่างกายไม่พร้อมแม้ใจพร้อมที่จะบริจาค อีกทั้งยังมี หลายชีวิตที่รอการ-ต่อชีวิต-จากเลือดของคุณ จริงอยู่ ..ธรรมชาติ..กำหนดความเป็นไป..ไปตามวิถีทางของ ธรรมชาติ.. แต่ถ้าวันหนึ่ง คนที่รอรับเลือดเพื่อรอดชีวิตจากเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นและความตายนั้น..คือคุณ หรือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิต เลือดนั้นคงมีคุณค่ามากมาย เกินกว่าที่คุณจะขอบคุณเค้าได้เหลือเกิน

ศูนย์รับบริจาคโลหิตมีหลายที่ สภากาชาดไทย, รพ.รัฐบาลชั้นนำต่างๆ เช่น รพ.ศิริราช, รพ.รามาธิบดี สามารถสอบถามที่ประชาสัมพันธ์ได้โดยตรง การเตรียมตัว ก็เพียงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารเช้าก่อน และอย่าทานอาหารมันจัดก่อนบริจาค ง่ายๆ เท่านี้เองค่ะ

ส่วนถ้ามีใครก็ตาม ได้อ่านเรื่องนี้แล้วมีจิตเมตตาอยากช่วยเหลือน้อง Best โดยตรง ก็จะยินดีมากๆ ค่ะ สามารถติดต่อขอบริจาคเลือดได้ที่ ตึก 72 ปี ชั้น 3 รพ.ศิริราช ขอบริจาคแก่ ด.ช.ชวัลวิทย์ สุวรรณศรี หมู่เลือดไดก็ได้ค่ะ เพราะทาง ร.พ.ศิริราช สามารถติดต่อขอแลกจากศูนย์อื่นอีกทีได้ ขอเพียงแต่มีปริมาณเลือดเพียงพอ แต่ถ้าหากไม่สะดวกแต่อยากร่วมแบ่งปันน้ำใจ ก็รบกวนบอกต่อ อีเมล์ หรือโพสท์ต่อที่ใดก็ได้ค่ะ ขอขอบคุณแทนอาจารย์และน้อง Best ด้วยนะคะ

....เลือดของคุณอาจมีค่ามากกว่าที่คุณคิด อาจช่วย “ต่อชีวิต” แก่ใครสักคน....

February 01, 2006

ปรับตัว


กันยายน ๒๕๔๘ : Autumn in New York (Rochester)
- กรี๊ดด ทำไมมันหนาวอย่างงี้นะ ฮือๆ หนาวจัง สั่นๆๆ
- เปิดดู weather forecast –> ๑๘ องศาเซลเซียส (หลังคำนวณกลับจาก ฟาเรนไฮต์)

>> ๕ เดือนผ่านไป <<
มกราคม ๒๕๔๙: Winter in New York
- กรี๊ดด ดีใจจัง วันนี้รู้สึกอากาศ เย็นสบาย ไม่หนาวเกิน ชอบๆๆๆ ยิ้มๆๆๆ
- เปิดดู weather forecast –> ๕ องศาเซลเซียส

เพราะฉัน ปรับตัว ได้แล้ว
เอ๊ะ สับสน?? หรือ เพราะฉัน มีชั้นไขมันนุ่มหนา มา มอบความอบอุ่น ละมุนละไม เพิ่ม
กรี๊ดด ไม่ ไม่ ไม่จริง ....

เพราะฉัน เคยเจอตอนที่ติดลบถึง – ๑๓ องศาเซลเซียส ต่างหาก แค่ ๕ องศา เลยเด็ก ๆ