January 29, 2006

สวยงาม

ความเดิมจาก ..เกินรัก..,..คล้องใจ.. และ เป็นแฟนพี่..ไม่มีอด !!

ฉันเดินทางมาแสนไกล และยังต้องก้าวต่อไป
เพื่อทำ -หน้าที่แต่ละช่วงชีวิต- ให้ดีที่สุด
เช้านี้ตื่นมา ความรู้สึกหนึ่งแล่นขึ้นในหัว
-พ่อแม่- ช่างสวยงามที่สุดสำหรับฉันในวันนี้
ไม่ใช่เพราะมาอยู่ไกล เลยทำให้รู้สึกอะไรไปต่างๆ นาๆ แต่ว่า....
....ความสวยงามนี้ ดูเป็น “ความสวยงาม-ที่บริสุทธิ์” จริง จริง....

ชายท่านหนึ่งอายุท่าน ๗๐ และ หญิงท่านหนึ่งอายุท่าน ๖๔
>> สองเดือนก่อน
"ฮโหล เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาคุณพ่อไปหาหมอนะลูก ทำแล้ว นอน รพ.
และรอผลตรวจชิ้นเนื้อหนึ่งอาทิตย์นะลูกนะ"
>> เช้าวานนี้
"ฮโหล ลูกเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพ่อจะพาแม่ไปหาหมอนะ หลังจากรักษาก็นอน รพ.สักพักค่อยกลับบ้าน"

ไม่จำเป็นต้องนิยามเพื่อหาคำอธิบายใด ๆ นอกจาก--
ภาพความ -สวยงาม -..ที่สองท่าน จูงมือ ดูแลซึ่งกัน อยู่ในใจฉัน-ตลอดไป..
..
หวังเพียง เรื่องราวนี้จะสามารถ "แบ่งปัน" ไออุ่นแห่งความสงบสุขใจ
เกิดเป็นรอยยิ้มสดใส-ในหัวใจ ให้กับ ทุกคน

January 27, 2006

เท้าเหล็ก-รองเท้าคู่ที่สองครึ่ง

ความต่อจาก..รองเท้า และ รองเท้าคู่แรก

เขา " ไม่ใส่รองเท้าเหรอครับ "
เธอ ......
เขา " แต่ผมตั้งใจซื้อรองเท้าคู่นี้มาอย่างดี ใช้รองเท้าคู่นี้เถอะครับ"
เธอ ......
เขา
" แต่ใครๆ เค้าก็มีรองเท้าใส่กันทั้งนั้นกับอากาศหนาวแบบนี้ "
เธอ ......
เขา " ไม่ไหวมั้งครับ เดินเท้าเปล่าคนเดียวเนี่ย เดี๋ยวหิมะจะกัด "
เธอ " ขอบคุณนะคะ.. แต่ตอนนี้ดิฉันอยากลองเดินเท้าเปล่าก่อนค่ะ
ดิฉันเท้าเหล็ก !!.."

January 23, 2006

พระอาทิตย์กับชีวิต

รุ่งสางวันหนึ่ง ใต้ผ้าห่มอุ่น เข้าสู่เช้าของวันใหม่อีกครั้ง.......
แม้แต่...ดวงอาทิตย์...แหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของโลก
แค่..แต่ละ-หนึ่งวัน..ของดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่
- Sunrise, Sunshine and Sunset -
- ดวงอาทิตย์ สว่างขึ้น ส่องแสง และลับ ดับไป
พรุ่งนี้ พระอาทิตย์ จะกลับมาใหม่
บ้างสว่างสดใส บ้างมีเมฆหมอกบดบัง
มนุษย์..สิ่งมีชีวิต เล็ก เล็ก เมื่อเทียบกับ ดวงอาทิตย์และโลกที่กว้างใหญ่
ทุกเรื่องราวชีวิต ที่เป็นไป บางทีอาจ -ไม่ต่างกัน-

January 20, 2006

New England aquarium

ที่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของ Boston ก็คือ New England aquarium ก็อารมณ์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทั้งน้ำเค็มน้ำจืดมาหมด แต่ความสวยงาม คิดว่าบ้านเราสวยกว่าก็ underwater world ที่พัทยา กับที่สุพรรณ (จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ) และถ้าใครไปที่ Singapore มาแล้วก็สวยกว่าอีกเหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงความหลากหลาย ที่ New England aquarium ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ก็มีสัตว์แปลกๆ ดูตลกดี เลยเอาภาพมาฝากนิดหน่อย ส่วนค่าตั๋ว ปกติแล้วเห็นเค้าบอกว่าค่าบัตรเข้าชมแพงมาก แต่เนื่องจากปีใหม่นี้ ที่ Boston เค้ามีงาน Boston First Night 2006 คือซื้อบัตรเหมาทุกอย่าง แล้วก็จะเข้าได้ทุกที่ ที่มีสัญลักษณ์ Boston First Night แต่งานมีวันเดียวคือ 31 ธันวาคม ต่อ countdown สรุปว่าคราวนี้ก็เลยเข้าไปชมได้ไม่แพงเท่าปกติ วันนี้ก็รักเด็ก รักสัตว์ รักธรรมชาติกันหน่อยนะจ๊า


< น้องคนนี้เค้าชื่อ Cephalopod ชอบตาเค้า ดูตาซื่อๆ หน้าตาแปลกๆ น่ารักดี แต่อยากรู้ว่า ว่ายน้ำด้วยลำตัวส่วนไหน

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ส่วนทางขวานี่เป็น Leafy seadragon ลักษณะตัวคงบอกที่มาของชื่อ ออกแนวม้าน้ำมีใบไม้พริ้วไหวรอบตัว ก็เป็นอะไรแปลกๆ ที่ประทับใจเหมือนกัน เลยซื้อ magnet เป็นที่ระลึกมาด้วย ที่จริงอยากได้ น้อง pod ข้างบน แต่ไม่มี เสียดายจัง

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

Blue lobster (ไม่ชัด โทษทีจ้า)

ข้างตู้อธิบายว่า blue lobster จะพบ 1 ใน 5 ล้าน

yellow lobster 1 ในหลายสิบล้าน!!

หายากที่สุดคือ white lobster พบ 1 ในกี่ร้อยล้าน!!จำไม่ได้จ้ะ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ตัวนี้ก็ปลาดาว ปกติธรรมดาเหมือนที่เคยเห็นกัน แต่ที่นี่เป็นอ่างแบบเปิด แล้วก็เขียนว่าให้ลองหยิบขึ้นมาดูได้ but be gentle ตอนแรกไม่กล้าจับ แต่คิดไปคิดมา ลองดูดีกว่า ก็รู้สึกว่ามันนุ่มๆ นิดๆ แต่ที่ผิวบนจะสากๆ ก็แปลกไปอีกแบบ จากที่ตอนแรกคิดว่ามันคงเละๆ แต่ก็ไม่ใช่ เสร็จแล้วเดินไปด้านข้างก็จะมี hand gel ให้ล้างมือกับกระดาษให้เช็ดทำความสะอาด

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

จริงๆ แล้วสัญลักษณ์และขวัญใจของเด็กๆ ที่นี่อย่างนึง ก็คือ เต่าทะเล ตัวใหญ่ แต่ถ่ายภาพได้ไม่ชัดซะทีว่ายน้ำอยู่ซะลึก เลยไม่ได้เอาภาพมาฝาก และถ้าใครไปดูเต่าทะเลแล้วเจอตรายาง Turtle Trek ปั๊มมา ก็เอาไปแลก wristband สีเขียว อนุรักษ์เต่าทะเล ชอบที่ wristband จะมีชื่อเต่าทะเลอยู่ แล้วก็ให้เข้าไปดูใน www.neaq.org ได้ว่า ชื่อเต่าทะเลที่เราได้หน้าตาเป็นยังไง ที่ได้มาชื่อ Cori ลองเข้า website เจอน้อง Cori หน้าตาเป็นแบบนี้เอง ส่วนของพี่ชื่อ Kiwi ลองไปเล่นดูสนุกๆ ได้จ้า ว่าหน้าตา Kiwi จะเหมือน Cori รึป่าว

<<< ป๋มชื่อ Cori ฮับ ยินดีที่ได้รู้จัก :)

January 19, 2006

Boston: Enjoy Eating Trip

หายไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับงานวิจัย (Lab) ของตัวเอง ซะหลายวัน วันนี้ก็กลับมาเล่าสู่กันฟังอีกที ก่อนที่จะลืมบรรยากาศไปซะก่อน พูดถึง Boston trip ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ก็คงนึกถึงอะไรไม่ได้นอกจากอาหารการกิน จนตัวเองกับพี่ตั้งชื่อ trip นี้ว่า Enjoy Eating Trip: EET ก็ลองบวกลบคูณหารกันไปว่า ทั้งหมด 10 วัน วันละ 2 มื้ออิ่มอร่อย (skip breakfast เนื่องจากอิ่มค้าง!! จากเย็นวันก่อนตลอด) น้ำหนักก็ปาเข้าไป.... (จงเติมคำในช่องว่าง) สิริรวมแล้วเป็นอาหารจากกี่ชาติจำไม่ได้ หยิบยกมาเล่ากันบางชาติบางบรรยากาศ

ไปบอสตัน ถ้าไม่ได้ทาน lobster ก็ไปไม่ถึงบอสตัน ตัวใหญ่จนน่าเป็นลม ที่พี่สั่งให้โดยเฉพาะ ก็ราคา $ 40 กี่ปอนด์ไม่สามารถจำได้ ก็ต้องมีกรรมวิธิการกินด้วย สำหรับคนที่สั่ง lobster เท่านั้นก็จะมีผ้าผูกคอกันเปื้อน ออกแนวเด็กน้อยกินอาหารเลอะเทอะ ไม่ผูกไม่ได้ เพราะเวลาใช้คีมหนีบ แกะเปลือกมันจะกระเด็นเลอะเทอะจริงๆ สุดท้ายเลยต้องยอมผูก แอบอายอยู่ แต่โต๊ะอื่นที่สั่ง lobster ก็ผูกกันหมด ดูท่าทางภูมิอกภูมิใจอีกตะหาก เลยต้องยอมผูก

< เอาแบบครบสูตร บีบมะนาวทั่วๆเล็กน้อย หลังจากแกะล้างให้สะอาด ทานกับน้ำเนย
ผ้าผูกคอกันเปื้อน >



อีกที่ของบอสตันที่ไม่ไปไม่ได้ ก็คือ Faniel Hall คือแบบว่าตึกเดียว แต่มีร้านอาหารต่อๆ กันเป็นทางยาว หลากกลาย70-80 ร้าน ไปถึงก็ต้องเดินสำรวจโลกให้ทั่วก่อนว่าอยากกินอะไร แบบไหน แล้วค่อยตัดสินใจไปซื้อ สุดท้ายได้ Clam chowder เป็นซุปข้นใส่ชามขนมปังอร่อยไม่ต้องบรรยาย แล้วก็ Clam wrapped with bacon อันนี้ก็อร่อยได้ใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ที่เดินๆ ดู เห็นร้านนึงน่ารักชื่อ Bubble tea พอเดินไปดูใกล้ๆ แถ่น แทน แท้น คือชานมไข่มุกบ้านเรานั่นเอง ชื่อภาษาอังกฤษน่ารักเชียวนะ แต่ว่าตัว Bubble บ้านเราอร่อยกว่า

Mexican food อันนี้รสไม่ค่อยถูกปาก hot and spicy ก็จริงแต่แปลกๆ คงเป็นเพราะมีส่วนผสมจากถั่วเยอะซึ่งม่ค่อยชอบ แต่ที่ชอบคือการตกแต่งของร้าน น่ารักมากๆ สีสันจัดจ้านสมเป็น Mexican จริงๆ จนต้องเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ไปจนถึงห้องน้ำ น่ารักจริงๆ เอาไปห้าดาวความน่ารักสดใส



ห้องน้ำน่ารักดี(ในภาพทางขวา)มี tissue ยืนยันว่าเป็นห้องน้ำจริงๆ >>>


Italian food อันนี้ ก็ขอสาธยาย ที่ได้ทานไป แบ่งเป็น 3 จำพวก ได้แก่ American-Italian, Nothern and Southern Italian food ก็พึ่งจะรู้ว่าอาหารอีตาลีเค้าก็มีแบ่งภาคเหมือนกัน การตกแต่งในร้านก็ต่างกันไปอีก ที่ชัดเจนก็คืออาหารอีตาลีแบบ north กับ south ค้นพบว่าก็เหมือนภาคเหนือภาคใต้บ้านเรา คือภาคใต้จรสจัดกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย วัตถุดิบที่ทำก็เลยต่างกันอีก เช่น มันฝรั่งทางเหนือจะเล็กกว่าทางใต้ รสก็จะจืดกว่าด้วย แต่รวมๆ แล้ว ทุกที่ของหวานอร่อยยยยยหมด !! (อ้าวววว)

สุดท้ายที่อยากเล่าก็คือร้านอาหารไทย การได้ชิมอาหารไทยในต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งที่ควรลองพิสูจน์ความเหมือนที่แตกต่าง ส้มตำที่ร้านอาหารไทยในบอสตัน (อัดอั้นอยากกินมาเป็นเวลา 4 เดือน หาที่ Rochester ไม่ได้ มะละกอก็แพงยังกะน้ำมัน ครกก็ไม่มีตำ ตำได้ก็ไม่อร่อย) รสเด็ด เผ็ดได้ใจคนไทยในต่างแดนมั่กๆ เข้าไปนั่งไม่ถึง 5 นาทีได้อารมณ์เหมือนนั่งร้านส้มตำแถวสยาม หมายถึง ข้างนอกวิวดี อากาศเย็นพอประมาณ คนเข้าร้านพูดกันแต่ภาษาไทย เว้นคนตำ สำเนียงไทยลาว (ถ้าไม่ได้สำเนียงนี้คงไม่ผ่าน ตำไม่อร่อย)

จบจ้ะ จบกันห้วนๆ แบบนี้ล่ะ

January 12, 2006

เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยว ตอนที่ 3

หลังจากแบ่งปันเรื่องราวการใช้ชีวิตที่เมือง Marshfield และ Plymouth ในมลรัฐ Massachusetts ไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าถึงคิว Boston ซะที แต่ลืมไปว่ายังมีอีกเมืองที่สำคัญที่ได้ไปเยี่ยมมา คือเมือง Cambridge และด้วยแต่ละเมืองของรัฐนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย การไปเยี่ยมไปเยือนก็เลยไม่ลำบาก ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง หลายๆคน คงเคยได้ยินชื่อ Cambridge, Massachusetts กันบ้าง เหตุผลนึงของความสำคัญก็คงเพราะเมืองนี้มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ถึง 2 มหาวิทยาลัย คือ Harvard University ก็ดังกันหลายด้านทีเดียว กฎหมาย การแพทย์และอื่นๆ อีกแห่งที่ขาดไม่ได้ก็ Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ที่นี่เค้าก็มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์ ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่านักศึกษาแล้ว พี่เลยคิดว่าจูนไม่ควรพลาด ต้องพาไปเปิดมุมมอง ว่านอกจากที่ตัวเองเรียนอยู่ แล้วมหาวิทยาลัยอื่นเป็นยังไง โชคดีที่วันนั้นอากาศแจ่มใส shiny ได้ใจ ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและสดชื่น

..รูปปั้น John Harvard เชื่อกันว่า ใครที่ได้สัมผัสจะโชคดี ด้วยความสูงแตะถึงแค่เท้า แต่คนอื่นก็แตะที่เท้าเหมือนกัน..


Harvard University นอกจากความโดดเด่นด้านวิชาการแล้ว บรรยากาศของมหาวิทยาลัยก็สวยงามน่าอยู่ไม่แพ้กัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถาปัตยกรรมของตึกผสมผสานกับความร่มรื่นทำให้มหาวิทยาลัยดูสวยงามตามแบบฉบับของตนเอง ก็ไม่ทราบว่าสถาปัตยกรรมแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ถ้าใครทราบ ก็ช่วยแบ่งปันให้แก่กันและกันทีนะคะ





















บริเวณใกล้ๆ ก็มี Harvard Square(แต่ไม่เหมือน Siam Square บ้านเรา)เป็นshopping mall ที่โด่งดังในย่านนี้ ร้านนึงที่ประทับใจก็คือร้านขายของที่ระลึกที่มี chocolate ทุกแบบ ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่เพราะแอบอายว่าอาจจะโดนแซวได้ แต่ก็ทำให้นึกอยู่ว่า ถ้า Rochester มีแบบนี้นะจะมาชิมกันวันละแบบเชียว นอกจากนี้อีกบริเวณ shopping center ที่จำชื่อไม่ได้ ก็มีร้านอาหารเล็กๆแต่อร่อยมากมายโดยเฉพาะราเมนที่ได้ไปชิมมา

ต่อมา ย้ายไปที่ MIT กันบ้าง ก็สมเป็น Institute of Technology จริงๆ แค่ลักษณะของตึกก็เฉพาะแบบ ทันสมัยต่างไปจาก Harvard University อย่างชัดเจนแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติส่วนตัวของจูนที่ไม่ชอบอะไร Hi-Technology กับเค้าซะเลย ค่อนข้างไปทางแพ้ computer และอะไร Hi-Tech อีกตะหาก เลยทำให้จูนจัดอันดับความประทับจิตส่วนตัว MIT ไว้ที่ขอบใจ แต่สำหรับหลายคนที่มีความฝันอยากมาเรียนที่นี่ คงมี MIT อยู่กลางใจกันทีเดียว แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนคงสำคัญที่ใจผู้เรียนด้วย ว่าพร้อมจะรู้เรียนและเรียนรู้อะไร..ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้..
MIT2
MIT1
Charles River
Charles river แม่น้ำสำคัญในเมือง Cambridge
ก็คร่าวๆ พอหอมปากหอมคอ แล้วค่อยมาต่อกันใหม่ แบบ Shiny Shiny ค่ะ (@^_^@)

January 11, 2006

เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยว ตอนที่ 2

long journey
ก่อนจะไปเยือน Boston อีกเมืองในรัฐ Massachusetts ที่ได้ไปเยี่ยมเยียนต่อจากเมืองMarshfield ก็คือเมือง Plymouth ตั้งอยู่ทาง southeastern ของรัฐ Massachusetts (แปลเป็นไทยไม่ออก น่าจะเป็นใต้เฉียงตะวันออก ไม่ใช่ตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็งงๆ เลยไม่แปลดีกว่า) ห่างจาก Boston ประมาณ 34 miles ความสำคัญของ Plymouth ก็อยู่ที่ เป็นเมืองแรกที่ชาวอเมริกันอพยพมาตั้งถิ่นฐาน ประวัติความเป็นมาก็คือ เริ่มแรกชาวอเมริกันก็คือชาวยุโรปนั่นเอง แต่ด้วยปัญหาความขัดแย้งทางศาสนา ทำให้ชาวยุโรปกลุ่มนี้ ซึ่งเรียกว่า Pilgrims อพยพ ล่องเรือ เพื่อหาถิ่นที่อยู่ใหม่ และก็มาลงเอยที่เมือง Plymouth ในปี 1620 ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าพื้นที่ใหม่นี้ เรียกว่า New England ที่จริงแล้วเมืองนี้ก็ไม่ใช้พื้นที่ว่างเปล่าอะไร เพราะมีชาวอินเดียแดงอาศัยอยู่ก่อนแล้ว จะว่าไป ก็เลยทำให้แอบรู้สึกไม่ดีเหมือนกันว่า แล้วมาแย่งที่อยู่เค้าทำไม แต่ถ้าพูดแบบไม่สุภาพ ก็คือแบบนั้นจริงๆ
Plymouth ship
ที่จริงแล้ว มีเรือจำลองที่ชาว Pilgrims อพยพมา แต่ตอนจูนไปถูกเอาไปซ่อมซะก่อน เลยได้มาแต่ลำนี้แทน
Plymouth
ซึ่งเรื่องนี้เอง ก็เป็นที่มาของเทศกาล Thanksgiving นั่นล่ะ.. คือ เมื่อชาว Pilgrims เลือกที่จะตั้งถิ่นฐานใหม่ ที่เมือง Plymouth นี้ ชาวอินเดียแดงซึ่งอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ก็ได้สอนการปลูกพืชผักต่างๆ ให้แก่ชาว Pilgrims สำหรับบริโภคต่างๆ สุดท้ายชาว Pilgrims จึงได้เลี้ยงขอบคุณแก่ชาวอินเดียแดง จนเป็นที่มาของการเฉลิมฉลองเทศกาล Thanksgiving ในปัจจุบันนี้ ก็คือขอบคุณสำหรับการให้และการแบ่งปันต่างๆ แก่ชาวอินเดียแดงนั่นเอง (ทำให้ชาวอินเดียแดงดูนิสัยดีขึ้นมาทันตา) ที่เมือง Plymouth นี้จึงมีรูปปั้นชาวอินเดียแดงเป็นที่ระลึกอยู่ด้วย

ร้านค้าในเมืองส่วนมาก ก็เป็นร้านค้าตกแต่งน่ารัก ชื่อของร้านส่วนใหญ่จะเป็นชื่อของบุคคลสำคัญต่างๆ ในกลุ่มชาว Pilgrims นั่นเอง ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาก็จะให้ความสำคัญกับก้อนหินก้อนหนึ่งกันมาก คือ Plymouth rock มาชี้มือชี้ไม้ชี้ก้อนหินก้อนนี้กันใหญ่ รุมล้อมถ่ายรูปกัน สุดท้ายก็เลยต้องจับภาพ Plymouth rock มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ shinyjune ด้วยเหมือนกัน Plymouth rock นี้ ถูกเชื่อว่าเป็นหินก้อนที่ชาว Pilgrims เหยียบ ก้อนหินนี้ถูกจารึกเชียวนะคะว่า ..the stone becomes famous… ไม่เชื่อลองคลิกอ่านดูจากภาพได้ค่ะ ก็คงเหมือนอะไรที่เป็นการได้ระลึกถึงบรรพบุรุษและที่มา ถึงทำให้ Plymouth rock มีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้
Pilgrim st park
To Learn ตอนนี้ ก็ไว้เท่านี้ก่อนแล้วกันนะคะ
เดี๋ยวตอนต่อไป ค่อยมาสัมผัส Boston ตามสไตล์ ShinyJune กันอีกทีค่ะ (@^_^@)

January 10, 2006

เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยว ตอนที่ 1

เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยวครั้งนี้ก็ขอเริ่มด้วยเรื่องการพักผ่อนและใช้เวลาที่มลรัฐ Massachusetts ในช่วงเทศกาล Christmas ถึงปีใหม่ที่ผ่านมา หลังจาก การเดินทางระยะสั้น ครั้งก่อนด้วยตัวเองที่ Washington DC ก็ลองเปลี่ยนมาสู่มลรัฐใหม่เท่าที่จูนได้สัมผัสกันบ้าง.. Massachusetts เป็นรัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ไม่ห่างจาก New York มากนัก ทำให้คุณอาและพี่ชายเลือกที่จะขับรถมารับ(5 ชม.)ด้วยจุดประสงค์สำคัญคือ อยากให้ จูนรู้สึกอบอุ่น เหมือนมีอีก family หนึ่งที่อเมริกา เนื่องจากภรรยาของคุณอาเป็นชาวอเมริกัน การฉลอง Christmas จึงมีทุกปี และปีนี้จูนก็ได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมนี้ที่น่ารัก เหมือนกับที่ได้เล่าไปแล้วบางส่วนในตอน Merry X’mas in Massachusetts ที่อยากเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยคงเป็นเรื่องของอาหาร ที่เมื่อก่อนเคยสงสัยว่าต่างจากอาหารที่เล่าไปในช่วง Thanksgiving ยังไงเพราะที่เคยไปงานคริสต์มาสต์ที่บ้านคุณลุง (ภรรยาชาวอังกฤษ) ทุกปีก็จะเป็นไก่งวง หลังจากสอบถามก็ได้ความว่า แล้วแต่วัฒนธรรมของแต่ละครอบครัว ช่วง Thanksgiving ก็จะเน้นหนักกันที่ไก่งวงซะมากกว่า ส่วนคริสต์มาสก็แล้วแต่ครอบครัวว่าอาจจะเป็นไก่งวงหรือแฮม มันอบร้อนๆ ก่อนทานก็บากเนื้อเป็นร่องๆ ลงไปก่อน แล้วทาเนย จากนั้นความร้อนของมันอบก็จะทำให้เนยละลายลงไปที่เนื้อในของมัน เพิ่มความอร่อย ของหวานก็มักจะเป็น Pie และอะไรอีกอย่างที่เหมือน jelly แต่ไม่ใช่ และก็ไม่เคยจำชื่อได้ซักที นอกจากนี้ก็จะเป็นการไปโบสถ์ ร้องเพลงต่างๆ ฉลองร่วมกัน ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข และเพราะเป็นเมืองเล็กๆ ทุกคนจึงรู้จักกันหมด ทำให้ทุกคนรู้จักจูนก่อนที่จูนจะรู้จักทุกคนอีก เพราะคุณอาได้บอกทุกคนว่าคริสต์มาสนี้หลานจะมาจากเมืองไทย ก็เป็นอีกความรู้สึกที่อบอุ่นที่ได้เรียนรู้และรู้จักเรื่องราวจากทุกคน

Christmas Ham

To Learn บทนี้ จึงเริ่มต้นที่บ้านคุณอา เมือง Marshfield รัฐ Massachusetts ก็เป็นเมืองที่สงบและปลอดภัย มีชายหาดจากตอนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติค ฟ้าใส ทะเลกว้างใหญ่ อากาศสดชื่นหายใจได้เต็มปอด เจ้าถิ่นก็คงไม่ใช่ใครนอกจาก นกนางนวล ที่ดูคุ้นเคยและไม่กลัวคนซะเลย

sea gull rhythm

sea gull of the ocean
ก็เป็น เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยว ตอนที่ 1 ในแบบฉบับ To Learn is Happiness.. By June จ้ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมารู้จักเมืองต่อไปที่ได้สัมผัสกันอีกที

January 08, 2006

สัพเพเหระ

เรื่องราววันนี้ก็จับฉ่ายจริงๆ ไม่รู้จะจัดเข้าหมวดหมู่ไหนดี เลยตั้งชื่อว่า สัพเพเหระ ละกัน
ก็ขอเล่าอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะหยิบยก Boston Trip มาเล่าอีกที

สัพเพเหระที่ 1 กรี๊ดดดด มีเพื่อนร่วมงานใหม่ จะมานั่ง office ห้องเดียวกันด้วย แลบนี้ช่างเป็น International lab ซะนี่กะไร เพื่อนใหม่คนนี้เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ ประเทศในฝันของจูนด้วยนะ พึ่งมาถึงเมื่อคืนนี้เอง จบ Ph.D แล้ว มาทำงานที่นี่ในฐานะ Post-Doc ..ดีจัง แต่เราก็ยังมีปัญหาเดิมอยู่ คือยังฟังไม่ค่อยออก (ขนาดพัฒนากว่าเมื่อเดือนแรกแล้วนะเนี่ย) สิริรวมแล้ว แลบนี้มีกัน 13 คน (รวม Professor ด้วย) มาจากทั้งหมด 8 ประเทศ อิตาลี ทรินิแดด ไทย ไนจีเรีย เกาหลี จีน อเมริกา เนเธอร์แลนด์ แลบนี้คงต้องมีอะไรดีเป็นแน่ ถึงได้มีคนสมัครมาจากหลายมุมของโลกอย่างงี้

สัพเพเหระที่ 2 สืบเนื่องจากสัพเพเหระที่ 1 น่ะล่ะ ไป dinner ที่บ้าน Professor มา ไปกันสามคน เพื่อนใหม่ เนเธอร์แลนด์ เพื่อนทรินิแดด และจูน อาหารที่จูนชอบยังคงเป็น Dear sausage เหมือนเดิม คือ Professor จะล่ากวาง แล้วก็เอาเนื้อกวางมาทำอาหารเป็น steak บ้าง อบบ้าง sausage บ้าง ใครที่คิดว่าจะเหม็น ขอยืนยันว่าไม่มีกลิ่นอะไร แถมอร่อยอีกตะหาก เพราะ professor จะปรุงแบบ spicy อันนี้เป็นแค่ appetizer แต่ก็อิ่มจะแย่แล้ว แล้วจะเอาที่ว่างที่ไหนของกระเพาะสำหรับมื้ออาหารจริงกับของหวานอีกนะ สุดท้าย Professor เลยบอกว่า June, you have to make room for the meal. แล้วชี้ไปที่เกมส์เต้นของลูกๆ ตอนนี้ที่นี่เค้าฮิต เกมส์เต้นแบบที่บ้านเราฮิตเมื่อหลายปีก่อนน่ะแล่ะ อิอิ เล่นก็ได้ exercise ช่วยย่อยซะหน่อย ตลกดี เล่นกับภรรยา Professor แบบว่าเล่นเก่ง ยอมแพ้เลยอ่ะ คนเดียวที่ไม่ยอมมาเล่นแต่แอบดู!! คือ Professor ทุกคนชวนให้มาเล่นก็บอกว่า ไม่ว่าง ต้องเตรียมอาหารมื้อ dinner สำหรับทุกคน อิอิ

สัพเพเหระที่ 3 คนอเมริกันเนี่ย กระเพาะใหญ่กว่าคนเอเชียขนาดไหนกันนะ อาหารมื้อนึงจานใหญ่มาก ทานหมดกันได้ยังไงหนอ จูนเองต้องแบ่งเป็น 2 มื้อทุกครั้ง ซึ่งก่อนอาหารจานหลักเนี่ย ก็ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมเลยว่าต้องเริ่มด้วย appetizer เรียกน้ำย่อยกันก่อน จากนั้นอาหารหลักก็จะตามมา สุดท้ายก็ปิดด้วยของหวานกับน้ำชาหรือกาแฟ แบบว่าตามลำดับดังกล่าวไม่มีขาด เลยเป็นเหตุผลในสัพเพเหระที่ 2 ว่าจูนต้องไปเล่นเกมส์เต้นช่วยย่อยกันก่อนที่จะ knock อยุ่ตรงนั้น ก็ confirm ธรรมเนียมนี้จาก Boston Trip เพราะพี่ก็จะสั่งอาหารให้ทานจนครบ 3 อย่างแบบนี้ทุกมื้อไป

สัพเพเหระที่ 4 เฮ้ออออ แล้วจะผอมมั้ยเนี่ย แล้วแก้มมันจะหายตึงได้ยังไงหนอ


สัพเพเหระที่ 5 เคล็ดลับทางกาย สำหรับการเดินทางมาศึกษาต่อต่างประเทศให้มีความสุข

..กินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายสะดวก.. ถ้าทำได้ดังกล่าว แล้วจะเอาอะไรอีก อุอุอุอุ

สัพเพเหระ ปล. บอกมานะว่าใครโทรมาหา กลับบ้านมา roommate บอกว่า June, someone called you but didn't leave the name. And she couldn't speak english well. หนอยยย มาแซวเพื่อนฉัน ฮึ่ม ง่ะ แล้วทำไมเพื่อนฉันไม่โทรเข้ามือถือล่ะจ๊า direct line ไม่ต้องผ่าน operator ชาวตุรกีนะ

January 04, 2006

Back: Boston to Rochester

Hellooooooo ....HaPpY New YeAr 2006....
กลับมาแล้นจ้า 10 days vacation in Boston and New York City
ขอตั้งชื่อ trip นี้ว่า EET; Enjoy Eating Trip
travel งานรอง, eating great food งานหลัก แบบว่าเลี้ยงดีทุกมื้อ จนพี่ชายบอกว่า
" I think that you've got a bigger cheek 555.!!
So pround, I did a good job. " (พี่ชายพูดภาษาไทยได้นิดเดียว)
ดูเดะ ปกติ แก้มก็จะแตกอยู่แล้วอ่ะ เจองานนี้ ไปกันใหญ่พอดี
ก็มารายงานตัวฮับ เดี๋ยวรูปและเรื่องราวจะตามมาอีกที
count down ที่ Boston จ้ะ สนุกสมกับที่ตั้งใจทำงานเพื่อขอ vacation นี้
และ..ก็ต้องกลับมาทำแลบต่อซะแล้ววววว..
ง่ะๆๆๆๆ ตื่นมาพร้อมกับเมล์จาก Professor ที่ส่งถึงทุกคนที่จะต้องเตรียม presentation สำหรับ Seminar ที่ San Diego ในเดือนมีนาคมนี้ ว่าให้รีบลงทะเบียนสัมนาด่วน!
OKay นะคะ นะคะ.. ถึงเวลา " ลุย " ต่อ แล้นจ้า !!!!! เฮือกกก จะรอดมั้ยเนี่ย
(@^_^@) (ไม่เข้าใจ ทำไมต้องใส่ยิ้มทุกครั้ง เหมือนกัน)