October 20, 2005

49 วันกับ To Learn จ้ะ :)

เย้ เย้ เย้.. เย้ เย จูน finish experiments สำหรับ project เมืองไทยแล้วจ้า (@@@^___^@@@)ก็ได้ทำเพิ่มอีก 3 experiments ด้วยเวลา 49 วันสำหรับการมาเปิดโลกทัศน์และเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ที่นี่.. Rochester,New York ฮับ :) Professor บอกว่า You done! แล้วเราก็ตีมือกันค่ะ Yessss.. ทีนี้ก็เหลือนั่ง digest ข้อมูลให้ดีดี แล้วก็จะได้ start new project ซะที สิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่อย่างซาบซึ้งด้วยตัวเองในการมาทำแลบที่นี่คือ..งานหนึ่งงานจะสำเร็จและมีคุณภาพอย่างรวดเร็วได้ประกอบด้วย
1.ความรู้พื้นฐานที่จำเป็น.ต้องปึ้กมากที่สุดเท่าที่จะมีได้ รู้จริงและรู้กว้างทุกแขนงยิ่งดี เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผล.เลิศค่ะ(ทำเสียงสูงนิดนึงจะแจ่มมาก)
2.วางแผนดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น บางทีอาจต้อง."หยุด และ นิ่ง". เพื่อใช้สติให้ดีดีในการมองอะไรให้ไกล ไกลและชัดเจน แล้ว plan ให้รัดกุมก่อนทำ อย่าบ้าพลัง ทำ ทำ ทำ หัวปัก หัวปำ ไปก่อนอย่างเดียวและก็กลับบ้าน เป็งอันซาหลบ เหนื่อยจนพ่อแม่ก็ไม่ได้คุยด้วย เพราะระหว่างทำงานนั้น ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือแปลกใหม่ เราจะรู้ทันที เพราะเราได้วิเคราะห์หา..เหตุและผล..ของการทำงานหรือปัญหานั้นๆแล้ว
3.คิดแล้วต้องลงมือทำ..อย่างตั้งใจ (หรือมีสติ นั่นเอง)อย่างที่ได้วางไว้
4.ย่อย (digest) ผลลัพธ์จากงานที่ออกมา หาข้อสรุป ปัญหา และต้องยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อพัฒนางานต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้นอีก เพราะคนเรามักจะมองไม่ค่อยเห็นและไม่ค่อยยอมรับความผิดของตัวเอง ไม่รู้ทำไม ทั้งที่มันเป็นทาง..ที่จูนคิดว่าจะทำให้คนเราพัฒนาตนเองเพื่อเป็น"มนุษย์"ที่สมบูรณ์ได้ (จิตใจที่สมบูรณ์ขึ้นนะคะ ไม่ใช่อ้วนสมบูรณ์ซ้า..จนกางเกงรัดติ้ว)

นี่ล่ะค่ะสิ่งที่แอบลักลอบ!!เรียนรู้จาก 47-year-old man คนนึง ที่ได้คำว่า Professor มานำหน้า First name ตั้งแต่อายุ 40 นิดๆ ซึ่งไม่ได้เอาแต่ทำงานอย่างเดียวนะคะ แต่สามารถแบ่งเวลาสำหรับความสุขในสิ่งที่ชอบให้กับชีวิตตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะเราแอบรู้ว่า วันศุกร์ที่ผ่านมากลับเร็ว วันจันทร์หยุดงาน ไปล่ากวางมา!! (กีฬาแสนรัก..ล่าสัตว์!!)ดูเดะ วันนี้มีการเอารูปมาอวดด้วยว่า This is the biggest dear in my life.พร้อมกับ Facial expression ประมาณว่า ภูมิใจสุดฤทธิ์ เราเลยบอกว่า You look so happy in the picture. But the dear was so sadddd. Professor ตอบทันควัน No..he was happy as well. และตอนนี้เจ้ากวางตัวนั้น ก็อยู่ในระหว่างกระบวนการแปลงสภาพไปเป็นไส้กรอกอยู่ค่ะ My godddd!! โอ๊ย จบๆๆ กลับมาเรื่องเดิมดีกว่า.. 4 ข้อข้างบนเนี่ย จูนคิดว่า 1 กับ 2 สำคัญที่สุด (1 มากกว่า 2 นิดนึง)เพราะถ้า 1 ดี ก็จะทำให้ 2 ถูกทาง แล้ว 3 กับ 4 ก็ง่าย แป๊บเดียวเสร็จ แหะๆ ตอนนี้จูนเองทำได้ดีที่สุดแค่ข้อ 3 ค่ะ ข้อ 2 กำลัง learn อยู่ ส่วนข้อ 1 นี่คงต้องใช้เวลานิดนึง พร้อมกับค้นหาตัวเองต่อไปด้วยว่าเรามีใจรักในด้านนี้บ้างรึป่าว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงมุมมองจากการเรียนรู้ของจูนคนเดียวจนถึงตอนนี้นะคะ ไม่มีคำตอบตายตัวว่ามองได้ถูกต้อง สมบูรณ์รึยัง แต่ก็เผื่อจะ..แบ่งปัน..อะไร ให้กับใครๆ ได้บ้าง กว่าที่จูนจะถ่ายทอดอะไรเรื่องนึงให้ใครได้ จูนก็ได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนอ่ะค่ะ ว่าจริงๆด้วยแล่ะ อย่างเช่นทุกคำสอนของพ่อไงคะ จูนนำมาแบ่งปันให้ทุกคนได้ เพราะจูนลงมือทำด้วยตัวเองแล้ว พบว่า..มันจริง ส่วนไอ้ตอนที่ดื้อและไม่เชื่อก็พบว่า..มันจ๋อย ค่ะ 555

ถ้าเรามองกันดีๆ กับ 4 ข้อข้างบนเนี่ย เราอาจพบอะไรบางอย่างที่นำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตที่แสนวุ่นวายในสังคมปัจจุบันเมื่อเกิดปัญหาได้ ใจความหลักก็ดูเหมือนจะจบลงตรง นิ่ง..มีสติเพื่อมองเหตุและผลของปัญหา..ยอมรับความจริงเมื่อมีสิ่งผิดพลาด..และพร้อมปรับตัวเองใหม่ ..ไม่ใช่เพื่อใครนะคะ เพื่อตัวเราเองนั่นล่ะค่ะ จะได้พัฒนาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็อาจเป็นสิ่งแบ่งวัดความแตกต่างระหว่าง.มนุษย์กับสัตว์.ก็ได้นะคะ สิ่งเหล่านี้ดูจะตรงกับคำสอนของแม่ค่ะ (คราวนี้แม่บ้าง) ที่จะคอยอธิษฐานทุกครั้งว่า ขอให้ลูกมีสติอยู่เสมอโดยเฉพาะเวลาที่ลูกมีปัญหา (แสดงว่าปกติ จูนอาจสติแตกบ่อย จนแม่ต้องกังวล 555)ตอนนี้จูนเองก็กำลังเรียนรู้และฝึกฝนอยู่ค่ะ ก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีหรอกค่ะ แต่ก็มีโชคดีอย่างนึงตรงที่พ่อจะสอนเสมอว่า ลูกทหาร..ทำผิดต้องยอมรับผิด และต้องพร้อมที่จะแก้ไข ถ้ากล้าทำผิดได้ ต้องไม่อายที่จะรับความจริง เรื่องนี้เลยไม่ยากเท่าไหร่สำหรับจูน เพราะถูกฝึกมาแต่เล็กแล้ว แต่ไอ้ตรง มีสติอยู่เสมอเนี่ย ก็ต้องฝึกกันต่อไปค่ะ :) To Learn is Happiness อยู่แล้วววว อิอิอิ แล้วคุณล่ะค่ะ พร้อมที่จะเปิดใจ.นิ่ง.ใช้สติและให้เวลาเพื่อ->ตัวคุณเอง<- รึยัง??

4 Comments:

At Thu Oct 20, 02:54:00 PM 2005 , Anonymous Anonymous said...

อ่านหัวข้อนี้แล้วดีมากๆเลย วันไหนงานยุ่งจะเข้ามาอ่านอีทีนะ จะได้ไว้ตั้งสติ....แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ เรานั่งอ่านเรื่องของจูนมา 2 ชม.กว่าๆ พอดูนาฬิกาตกใจหมดเลย เหมือนเวลาผ่านไปแป๊ปเดียว จูนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อยากรู้จักเจ้ไอจัง ว่างๆแอบถ่ายรูปพี่แกมาให้ดูบ้างนะ ..โชคดีที่จูนผอมลง...ถ้าอ้วนกว่านี้เจ้ไออาจเข้าใจผิดคิดว่าผิดกฎเหล็กข้อ 3อ่ะ...5 5 5.\(^-^)/ PuI//

 
At Fri Oct 21, 07:22:00 AM 2005 , Anonymous Anonymous said...

ยินดีด้วยจริงๆกับงานที่ทำได้อย่างรวดเร็ว

แต่เดี๋ยวเกิดคนกลุ่มที่ไม่ค่อยอยากเห็นคนอื่นได้ดีและสุขภาพจิตเสื่อม (แว่วๆว่าแถว ค.วิทย์ พญาไท มีอยู่หลายคน) ผ่านมาอ่านเข้าอาจเป็นลมกันหมดพอดี

 
At Sun Oct 23, 02:32:00 PM 2005 , Blogger DeeDee said...

ชอบๆ ที่สรุปมาเป็นข้อๆแบบนี้ แต่ทำยากมันทุกข้อเลย
ข้อแรก ขี้เกียจอ่าน นอกจากว่าจะเกิดบ้าพลังเป็นช่วงๆให้อยากอ่าน
ข้อสอง ก็ถ้าไม่มีข้อแรก ก็วางแผนดีๆไม่ได้
ข้อสาม ความขี้เกียจสำคัญมาก
ข้อสี่ อันนี้รู้สึกว่าง่ายหน่อย ขอให้รู้เถอะว่าปัญหาคืออะไร ยอมรับและแก้ไขแน่นอน

แต่ยังไงก็ตาม จะพยายาม!!!

(สงสารกวางด้วย โหดร้ายยยย)

 
At Mon Oct 31, 12:45:00 AM 2005 , Blogger ShiNy JuNe said...

ดีใจนะจ๊า ที่เวบนี้สามารถมอบสิ่งดีๆ ให้ใครๆ ๆด้จ้ะ

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home