October 02, 2005

One Month..Believe it or Not?

Believe it or not? One month ago that I came here!! ไม่น่าเชื่อเลยว่ามาที่นี่ได้เดือนนึงแล้ว รู้สึกว่าผ่านไปเร็วมากๆ บางครั้งยัง งงๆ อยู่เลยว่า นี่เราอยู่ที่ USA แล้วจริงหรอ เพราะแค่เดือนนึงก่อนหน้านี้ ยังวิ่งเล่นวุ่นวายอยู่ที่ Thailand ไม่เป็นสาระอยู่เลย เพื่อนที่นี่ก็บอกเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือน You มานานกว่านั้นเลย You did a lot of work. ก็จริงอ่ะ เพราะ 1 เดือนนี้ ทำงานเสร็จไปแล้ว 1 Experiment ตอนนี้เริ่ม Experiment ใหม่แล้ว สิริรวมแล้ว มาถึงนี่ 30 วัน จัดการส่งหนูขึ้นสวรรค์ไป 19 ชีวิตแล้ว My goddd!! หมดเดือนนี้ว่าจะเลิกแล้ว หวังว่าจะได้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เมื่อวานส่งสารกลับเมืองไทย โดยมีเพื่อนอเมริกันคนนึงช่วยดูแลให้ ชื่อ Whitney ตลกมาก อายค่ะอายยยยย มีหลายอย่าง กรอกผิด แล้ว Whitney ต้องคอยบอกว่าไม่เขียนแบบนี้นะ ต้องเขียนอีกแบบ เช่น $ 2 ไม่ใช่ 2 $ , 10/02/2005 ที่นี่นิยมเอาเดือนขึ้นก่อนวันที่ อิอิ ก็ไม่รู้อ่ะ ตั้งใจกรอกมาก จน Whitney บอกว่า You สนใจ I บ้าง อยากคุยเรื่องอื่นมั่ง อย่าตั้งใจขนาดนั้น คุยไปกรอกไปก็เลยหัวเราะตลอดเพราะ กรอกไรไม่รู้ผิดๆ งงๆ ฟัง Whitney ก็ไม่ค่อยออก เพราะเป็นอเมริกันจริงๆ พูดอย่าง ก็เข้าใจเป็นอีกอย่าง รู้ศัพท์แต่การออกเสียงไม่เหมือนกัน พอเข้าใจก็ขำกันใหญ่เลย จน Whitney บอกว่า You are such a happiness. Because you always laught. เออ ก็จะไม่หัวเราะได้ไงอ่ะ กรอกอะไรขำๆ เต็มไปหมด ฟังก็ไปคนละความหมาย ก็อายเดะ ยังไงก็ตามช่วงนี้ เป็นช่วงที่สนุกกับการทดสอบตัวเอง ว่าคุยกับฝรั่ง รู้เรื่องแค่ไหนแล้ว (Asia ยังพอง่ายกว่า)ก็เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ เพราะอยากรู้ตัวเอง ก็โทรไปคุยกะคุณไปรษณีย์ที่ Post office เพราะที่บ้านส่งของมาแต่ลืมเขียนสิ่งสำคัญมากไปอย่างนึงคือที่ตั้งของ Apartment ซึ่งคุณบุรุษไปรษณีย์จะไม่มีทางหาได้แน่นอน ก็โทรไปบอกกัน 3-4 ครั้ง น่าตื่นเต้นมากเลยนะสำหรับจูน เพราะไม่สามารถใช้ภาษากายสื่อความหมายกันได้ เพราะฉะนั้นต้องใช้แต่การพูดกับการฟังล้วนๆ ก็มั่วกันไป แต่ในที่สุด เค้าก็เติมเลขที่ขาดหายไปตามที่เราโทรบอก แล้วส่งมาถึง Apartment จนได้ เป็นอันว่างานนี้ผ่านไป แล้วก็ชอบไป Book Store ของ University ไปทุกวัน จนคนขายมายิ้มให้ แล้วถามว่า Can I help you, today? อิอิ เลยตอบว่า No thanks, I like stationary and wanna look around before. เลยต้องยิ้มหวานให้เค้าไป เพราะอาย มาแต่ไม่ซื้ออะไรซะที ก็ชอบดูอ่ะ แล้วก็ล่าสุดเลยค่ะ เมื่อวานนี้เพื่อนพาไปทานข้าว ซื้อของ แล้วก็ไป Book store ใหญ่ทีเดียว ชื่อ Nobel ซึ่งทีนี้จูนเกิดสนใจคนละ Zone กับเพื่อนเลยเดินไปดูคนเดียว ดูไปดูมา อยู่ดีๆ มีฝรั่งมาทัก (น่าจะเป็นคนอเมริกัน คน Rochester นี่ล่ะมั้ง)มาคุยด้วย ตกกะใจหมดเลย เป็นชายหนุ่ม(แต่ไม่มาก 555 ประมาณ 34-35 ล่ะมั้ง)คือถ้าเป็นคนอื่นคงตื่นเต้นที่มีชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยมาทักใช่ป่าว แต่จูนค่ะ ตื่นเต้นตกใจว่า ง่ะ ฉันทำอะไรเค้าหล่นรึป่าวเนี่ย แล้วจะคุยกะเค้ารู้เรื่องมั้ยเนี่ย แต่ด้วยความที่ก็เป็นช่วงที่สนุกกับการทดสอบ เลยทำใจดีพูดกับเค้า ซึ่งก็ไม่ได้มีคำถามอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว สรุปแล้วคือ เค้ามาถามว่า เป็น student ของ UofR ใช่มั้ย เค้าเห็น Student ID card เค้าก็จบจากที่นี่เหมือนกัน เค้าก็ถามว่าเรียนที่ Department ไหน เค้าตื่นเต้นมากที่รู้ว่าเป็น Visiting student และพึ่ง came here only one month เค้าเลยถามว่า เคยมีใครบอกมั้ยว่าที่นี่ Winter หนาวมาก และตอนนี้ Winter is nearly coming. เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรี่ยมเสื้อผ้าดีๆ นะ ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะไม่ไหว แล้วก็ Nice to meet you. โอเค เอาเป็นว่างานนี้คุยพอรู้เรื่อง ดีใจจัง แต่คุยเสร็จ รีบแกะ ID card เข้ากระเป๋าเลยอ่ะ อายยยยย เดี๋ยวมีใครมาทักอีก ก็ปกติอยู่มหาลัย ต้องติดตลอดเวลาอ่ะ เป็นปัจจัยที่ 6 ต่อจาก Laptop ไม่งั้น scan เข้าห้องต่างๆ ไม่ได้ ว้า แย่จัง แต่สรุปแล้ว พัฒนาการทางการสื่อสารก็ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ แค่พอเอาตัวรอดได้ ไม่อดตายแค่นั้นแล่ะจ้ะ นี่ล่ะจ้า 1 เดือนแรกของจูน ก็ค่อยๆ LeArN กันไปเนาะ (@^_^@) ..วันนี้ก็เอารูปที่ไปเที่ยวบ้าน Professor ที่ทะเลสาบมาให้ดูละกันนะจ๊ะ แล้ววันหลังค่อยเล่าให้ฟังอีกทีว่ามีอะไรบ้าง

1 Comments:

At Tue Oct 04, 08:43:00 PM 2005 , Blogger DeeDee said...

ดีจังอ่ะ ภาษาใช้งานได้ ของดี้อยากลองมั่ง แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ชอบฝรั่งที่ชอบเข้ามาทักด้วย แต่คนที่นี่จะไม่ค่อยยุ่งกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ (หรือเพราะดูไม่เหมือนคนแปลกหน้าก็ไม่รู้)

ได้ 1 experiment แล้วเหรอ อิจฉาๆๆๆ

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home