September 19, 2005

เรื่องของ RooMmAte!!

เรื่องนี้คงมีบางคนคอยติดตามอยากรู้อยู่แน่เลย เรื่องก็มีอยู่ว่าเธอคนนี้อายุ 24 (ขอเรียกเธอว่า เจ๊ไอ ชื่อย่อจากตัวแรกของชื่อเธอ) เป็นสาวชาวตุรกี เรียน Ph.D ปีสาม Economic จับพลัดจับผลูอยู่ที่นี่มาสามปีต้องหา Roommate ใหม่ และผู้โชคดีที่ย้ายเข้ามาใหม่คนนั้นก็คือ..จูน.. จูน..เด็กหญิงตัวกลมจากเมืองไทย กับข้าว งานบ้านไม่เคยทำ แล้วเราก็ต้องมาพบรักกัน (รักกันมากกกก ปานจะกลืนกิน) week แรกจูนมาถึง เจ๊ไอยังไม่มา เพราะเธอปิดเทอม กลับบ้าน พอ Sep'7 เจ๊ไอกลับมาพร้อมกับกระเป๋าสามใบโตโอฬาร June said" Nice to meet you, I'm June" เจ๊ไอ ..ทำหน้าหงุดหงิด "Me too, Rochester is very very terrible. Blaa blaa blaa...." เป็นชุด โอมายก้อดดด ดญ.จูน ผู้ซึ่งกะลัง in trend, home sick and lonely ละต้องมาเจอ เจ๊ไอ ในอารมณ์นี้ ตูจะกลับเมืองไทยดีมั้ยหนอ เธอดูหงุดหงิดๆๆๆ และหงุดหงิดจริงๆ พอ weekend เจ๊ไอมาขอคุยด้วย เรื่องการแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอบอกว่าอยู่กะฉัน มันมีกฏ 3 ข้อ No boy, No alcohol and No pork !!!! เออ.. 2 ข้อแรก ฉันก็ OK ฉันก็ว่าดีเหมือนกัน แต่ไอ้ข้อสุดท้ายนี่มันอะไรฟะ ไม่กินแล้วยังห้ามคนอื่นอีก คือแบบ ฉันไม่กินเนื้อ แล้วจะให้ฉันกินอะไร คือว่าห้ามแม้แต่เอาหมูและอะไรที่มีส่วนผสมของหมูเข้ามาในห้องนะ (จนตอนนี้พี่สาวแนะนำให้ ซื้ออะไรจำพวกหมู แช่ตู้เย็นของแลบไว้ แต่คิดว่าเพื่อนในแลบก็คงเห็นใจ และรู้ว่าจูน จะซ่อนหมูไว้ที่แลบ เพื่อหลบภัย และไว้กินในเวลาที่อยากกินจริงๆ ปล. ทั้งแลบทุกคนรู้หมด ก่อนจูน จะมาอีก ว่าจูนจะเจอเมท 3 กฏ) เรานะอุส่าห์บอกเจ๊ไอว่า ปกติเรากินนะ แต่โอเค For you, I'll adapt and do it. เจ๊ไอไม่สนใจแต่อย่างใด เธอบอกว่า I don't care. I told N.(Professor เราเอง)before. So, it's not my fault. It's N's fault. แนะ มีการยกความผิด ให้อาจารย์เราอีก.. ถ้าเราอยู่กะกฏนี้ไม่ได้ ก็ย้ายออกไป อ้าว ได้ไงก็ฉันจ่ายเดือนนี้ไปแล้วอ่ะ คุยกันเรื่องค่าห้อง เธอบอกว่าคนละ 349 แต่ Professor เคยบอกว่า 500 เลยถามเจ๊ไอว่า Total เท่าไหร่ เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ให้ลงไปถามใครก็ได้ถ้าไม่เชื่อ ช่างมองโลกแง่ร้าย ซะนี่กระไร เลยต้องรีบบอกเธอไปว่าเรากลัวว่าเธอออกเยอะกว่ารึป่าว เห็นอาจารย์เคยบอกเท่านี้ เธอทำหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที คงคิดว่า บนโลกนี้มีแต่คนเอาเปรียบกัน ต่อมา เจ๊ไอ ไม่ยอมแบ่งจานให้ใช้อีก บอกว่าไปซื้อเอาเอง โชคดีที่มีน้องคนไทยที่นี่ น่ารักมาก ขับรถ เอาจานช้อน มาให้ก่อน เชอะ ไม่ง้อก็ได้ .. เซ็งๆๆๆ จนต้องไประบายให้พ่อฟัง พ่อก็สอนว่า..ให้เป็นคนดี มีน้ำใจนะลูกนะ เราต้องเริ่มเป็นฝ่ายให้แก่เค้าก่อน มีอะไรก็ช่วยเค้า แสดงให้เค้าเห็นนะลูก แล้วเค้าก็จะดีขึ้นเอง คนดีก็ต้องได้เจอะกับคนดี..!! ในใจคิด(จูนไม่ใช่นางฟ้านะคะคุณพ่อ ทำไมจูนจะต้องมาทำดีและทนให้ใครก็ไม่รู้ด้วยด้วยล่ะ ) อ่ะ แต่ลองทำดูก็ได้ ยังไงเดือนนี้ก็ต้องอยู่ .. เริ่มตั้งแต่เห็นเจ๊ไอกะลังจัดข้าวของ ทำความสะอาดห้อง Can I help you anything? เธอตอบ For what..!! เออ ไม่ช่วยก็ได้ ยัยบ้า (ตอนนั้นโกรธมาก), เจ๊ไอจัดการแบ่งสรรปันที่มากมาย คนละครึ่ง แต่ไม่เห็นเคยถามเลยว่าเราอยากได้ครึ่งไหน แต่เออ ไม่เป็นไร พอดีไอ้ครึ่งนั้น ฉันอยากได้พอดี อยู่ไป ๆ เราเริ่มรู้สึกว่า เจ๊ไอเป็นคนใจแคบจัง เคร่งครัด มองโลกก็แต่แง่ร้าย สนใจแต่ความต้องการของตัวเองคนเดียว คิดจะย้ายออกแต่ติดเรื่องเอกสาร ขี้เกียจไปแจ้งย้ายที่อยู่ให้ยุ่งอีก ก็ต้องอยู่ไปก่อน.. ติ๊กต่อกๆๆ ต่อมา เห็นเธอขนถุงขยะกระดาษ ออกมาเพียบ รกไปหมด เลยบอกว่า จะช่วยเอาไปทิ้งให้นะ เธอทำหน้า Shock มากกก เลยบอกเธอว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย เราอยากอยู่แบบเพื่อนกัน คุยกัน ฉะนั้น We can help each other. เรื่องนิดเดียว อย่าคิดมาก ถ้า you คิดว่าใครเป็น"เพื่อน" you ก็จะทำให้ได้ โดยไม่ได้คิดอะไรมาก, วันต่อมาเราก็เป็นฝ่ายยิ้มให้เค้าก่อน แล้วก็เปิดตัวเองให้เค้าได้รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ลูกใคร ไม่ได้เป็นกะเหรี่ยงตกเขานะ จะบอกให้, พอมีไรที่คิดว่าต้องใช้ด้วยกัน เช่น น้ำยาทำความสะอาดบ้าน ก็เดินไปบอกเจ๊เลยว่า อ่ะ เรา share ให้ ให้เค้าเห็นว่าเราไม่คิดจะเอาเปรียบเค้านะ, แล้วก็ค่อยๆบอกว่า พ่อเราสอนให้อยู่ง่ายๆ ให้มีความสุขกับคนที่อยู่ด้วย.... มาถึงตรงนี้อาจมีคนถามว่า ทำไมต้องทำ เป็นใครคงย้ายออกไปกันแล้วทั้งนั้น คำตอบคือ เพราะอีกใจ มันก็ท้าทาย รู้สึกอยากเอาชนะใจเธอให้ได้เหมือนกัน ที่ภาคที่เมืองไทย เจออะไรร้ายๆ กว่านี้มาแล้ว ทำไมแค่นี้จะทำไม่ได้.. ลองไง อยากทำก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นก็ไม่เหนื่อย อีกใจก็อยากจะพิสูจน์คำสอนของพ่อ (อีกแล้ว เหมือนคำสอนเรื่อง ฟ้ามืดเลย)พ่อมักบอกว่า เชื่อในสิ่งที่พ่อบอกเถอะลูก แล้วลูกจะได้พบแต่สิ่งที่ดีๆนะ เพราะพ่อแม่จะสอนลูก บอกลูก ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่เคยมีความคิดที่หวังร้าย ..อ๊ะๆๆๆ.. พฤหัสที่แล้ว อยู่ดีๆ เจ๊ไอ เธอเดินเอา ท๊อฟฟี่ ตุรกี มาแบ่งให้สามเม็ดนะ จะบอกให้ ตกใจถึงขนาดต้องถ่ายรูปมาให้ดูทีเดียว,ถามว่าเธอทำอาหารอะไร เธอเป็นฝ่ายบอกให้เราลองชิมด้วย, แล้ววันที่ซักผ้า เจ๊ไอก็ตัดสินใจลงไปสอนใช้ตู้อบผ้าเชียวนะ เพราะเดี๋ยวยัยจูนจะหยอดไปหมด 25 เหรียญ, ทุกวันนี้เธอก็เริ่มยิ้มให้ บอกว่าอยู่ที่นี่เราจะทำอะไรแก้เหงาได้บ้าง.. อืมมมม จะเป็นไงต่อไปอีก คำสอนของพ่อจะเป็นจริงรึป่าว ..คงต้องใช้เวลาพิสูจน์คน.. ก็คงต้องติดตามกันต่อไป นะคะท่านผู้ชม เพราะจูนเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะพึ่งสองอาทิตย์เอง ไว้ถามไถ่กันเข้ามาอีกทีแล้วกันจ้ะ บ๊าย บาย

3 Comments:

At Fri Sep 23, 08:22:00 PM 2005 , Blogger DeeDee said...

อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ กำลังแนะนำเพื่อนฝูงให้เข้ามาอ่าน เป็นบทเรียนที่น่านำไปใช้มาก

 
At Sun Jun 28, 02:04:00 AM 2009 , Anonymous Anonymous said...

this is a lovely story!

 
At Sun Jun 28, 02:04:00 AM 2009 , Anonymous Anonymous said...

this is a lovely story!

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home